การทำจิตให้สงบ คือ การวางให้พอดี ตั้งใจเกินไปมากมันก็เลยไป ปล่อยเกินไปมันก็ไม่ถึง เพราะขาดความพอดีธรรมดาจิตเป็นของไม่อยู่นิ่ง เป็นของมีกิริยาไหวตัวอยู่เรื่อย ฉะนั้น จิตใจของเราจึงไม่มีกำลัง
การทำจิตใจของเราให้มีกำลัง กับการทำกายของเราให้มีกำลังมันต่างกัน การทำกายให้มีกำลังก็ คือ การออกกำลังกาย ทำกายบริหาร มีการกระโดด การวิ่งนี่คือ การทำกายให้มีกำลังการทำจิตให้มีกำลังก็คือ ทำจิตให้สงบ ไม่ใช่ทำจิตให้คิดนั่นคิดนี่ไปต่างๆ ให้อยู่ในขอบเขตของมัน เพราะว่าจิตของเรานั้นไม่เคยได้สงบ ไม่เคยมีกำลัง มันจึงไม่มีกำลังด้านสมาธิภายในสิ่งที่รักษาสมาธินี้ไว้ได้คือสติสตินี้เป็นธรรม
เป็นสภาวธรรมอันหนึ่งซึ่งให้ธรรมอันอื่นๆ ทั้งหลายเกิดขึ้นโดยพร้อมเรียง"ศีลก็ดี สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี"
"เมื่อมันกล้าขึ้นมา มันก็คือมรรค""นี่แหล่ะคือหนทาง ทางอื่นไม่มี"
จากคำสอนของพระโพธิญาณ (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
การทำจิตใจของเราให้มีกำลัง กับการทำกายของเราให้มีกำลังมันต่างกัน การทำกายให้มีกำลังก็ คือ การออกกำลังกาย ทำกายบริหาร มีการกระโดด การวิ่งนี่คือ การทำกายให้มีกำลังการทำจิตให้มีกำลังก็คือ ทำจิตให้สงบ ไม่ใช่ทำจิตให้คิดนั่นคิดนี่ไปต่างๆ ให้อยู่ในขอบเขตของมัน เพราะว่าจิตของเรานั้นไม่เคยได้สงบ ไม่เคยมีกำลัง มันจึงไม่มีกำลังด้านสมาธิภายในสิ่งที่รักษาสมาธินี้ไว้ได้คือสติสตินี้เป็นธรรม
เป็นสภาวธรรมอันหนึ่งซึ่งให้ธรรมอันอื่นๆ ทั้งหลายเกิดขึ้นโดยพร้อมเรียง"ศีลก็ดี สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี"
"เมื่อมันกล้าขึ้นมา มันก็คือมรรค""นี่แหล่ะคือหนทาง ทางอื่นไม่มี"
จากคำสอนของพระโพธิญาณ (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น